รองเท้าผ้าใบ Converse
Converse รองเท้าที่วัยรุ่นทั่วโลกทุกคนต้องรู้จักเป็นอย่างดี แท้จริงแล้วมีตำนานเก่าแก่กว่า 107 ปี! และกว่าจะมาเป็น รองเท้าผ้าใบคอนเวิร์ส ต้องผ่านอะไรมามากมาย และนี่ก็คือจุดเริ่มต้นของรองเท้าระดับตำนาน ที่มีสัญลักษณ์ที่คุ้นเคยกันดีด้วยรูปดาว 5 แฉก ในปัจจุบัน
ประวัติรองเท้าผ้าใบคอนเวิร์ส
รองเท้าผ้าใบคอนเวิร์ส มีต้นกำเนิดในปี 1908 ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยผู้ก่อตั้งที่ชื่อว่า Marquise Mills Converse ซึ่งขณะนั้นมีอายุ 46 ปี (แค่เริ่มก่อตั้งก็ไม่วัยรุ่นแล้ว) ในร้านแห่งแรกขึ้นที่เมืองมัลเดน แต่เอาเข้าจริง ๆ สิ่งที่สร้างชื่อให้กับรองเท้า Converse นั้นอยู่ที่ปี 1917 เมื่อทางบริษัทฯ ได้ออกรองเท้ารุ่น “All-Star” ออกมา และในปีนั้นเองนักบาสเก็ตบอลคนหนึ่งที่มีชื่อว่า Chuck Taylor ได้มองเห็นโอกาสในรองเท้าคู่นี้ จึงเข้าร่วมทำงานกับบริษัทฯ แล้วทำหน้าที่เป็นทั้งคนขายและพรีเซนเตอร์โปรโมทสินค้าเมื่อแข่งกีฬาบาสเก็ตบอลไปทั่วสหรัฐฯ
ใครที่อยากใส่รองเท้าผ้าใบ Converse ต้องดู
หลังจากนั้นมารองเท้าผ้าใบคอนเวิร์ส จึงเริ่มเป็นที่นิยมในหมู่นักกีฬาและวัยรุ่นทั่วอเมริกา และเพื่อเป็นเกียรติแก่ตัว “ชัคส์” จึงได้มีการผลิตรุ่น Chuck Taylor ในปี 1923 หลังจากนั้น 46 ปีชัคส์ก็เสียชีวิตลง ในขณะที่ยังทำงานให้กับบริษัทฯ เอง
แรกเริ่มเดิมทีรองเท้ารองเท้าคอนเวอร์สมีแต่สีขาวและดำ แต่ในปี 1966 ก็เริ่มมีสีอื่น เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า รวมถึงวัสดุอื่นที่นอกเหนือจากเนื้อผ้า เช่น หนังกลับ, ไวนีล, และผ้าชนิดอื่น และนั่นเองยิ่งทำให้คอนเวอร์สได้รับความนิยมยิ่ง ๆ ขึ้นไปอีก
หลังจากนั้นช่วงปี 1980-1990 บริษัทหน้าใหม่อย่าง Nike ก็เริ่มเติบโตพร้อมกับความนิยม ทำให้นักบาสเก็ตบอลใน NBA เริ่มหันมาใส่กัน บวกกับปัญหาภายในของบริษัทฯ เองทำให้คอนเวิร์สต้องล้มละลายในปี 2001 รวมทั้งโรงงานดั้งเดิมในสหรัฐฯ ต้องถูกขายไป และหลังจากนั้นไม่นานในปี 2003 บริษัทฯ ก็ถูกซื้อกิจการโดย Nike คู่แข่งในขณะนั้นแต่ก็สามารถกู้บริษัทคืนมาได้อีกครั้ง
ถึงแม้ว่ารองเท้าคอนเวอร์สจะเสื่อมความนิยมแต่รองเท้ารุ่น Chuck Taylor All-Star ก็เป็นรองเท้าที่ขายดีมากที่สุดในประวัติศาสตร์ภายในศตวรรษที่ 21 ได้ถูกจำหน่ายไปกว่า 600 ล้านคู่ทั่วโลก
หลังจากนั้นเป็นต้นมา รองเท้า Converse ก็กลายเป็นมากกว่ารองเท้ากีฬา ด้วยดีไซน์ที่สามารถใส่ได้ทั้งชายและหญิงทำให้รองเท้า Converse เป็นเสมือนรองเท้าอเนกประสงค์ที่ใช้ได้กับทั้งชุดลำลองหรือจะใส่ในโอกาสพิเศษก็ได้เช่นกัน
ถึงแม้ว่านับจากนั้นเป็นต้นมาจนถึงปัจจุบัน จะไม่มีใครใส่รองเท้าผ้าใบคอนเวอร์สในกีฬาบาสเก็ตบอลอีกต่อไป แต่ก็ถูกทดแทนด้วยกลุ่มนักดนตรีและหนุ่มสาวทั่วโลก รวมถึงรุ่น Jack Purcell (หัวแจ็ค) ที่ได้รับความนิยมไม่เสื่อมคลาย จากยอดนักแบดมินตันและเทนนิสชื่อดัง (ในสมัยนั้น) ผู้เป็นคนร่วมออกแบบ
ในปัจจุบันรองเท้าผ้าใบคอนเวอร์ส ไม่มีผลิตที่อเมริกาอีกต่อไป (Made in USA) และนั่นส่งผลให้รุ่นที่ค้างสต๊อกอยู่หลายล้านคู่ มีมูลค่าสูงขึ้นมากกว่ารองเท้าที่ผลิตจากที่อื่น เพราะด้วยรูปทรงที่เป็นเอกลักษณ์รวมถึงวัสดุที่ทนทาน ทำให้รองเท้าคอนเวิร์ส Made in USA ล็อตนั้น เป็นที่นิยมของนักสะสมทั่วโลก
สำหรับในปัจจุบัน All Star Classic เป็นสัญลักษณ์ตัวแทนความเก๋าที่ไม่มีเสื่อมคลายของวัยรุ่นทั่วโลก อีกทั้งยังมีราคาไม่แพง เหมาะกับผู้ที่มีสไตล์เป็นของตัวเองและไม่เลื่อนหายไปตามกาลเวลา
หลายคนอาจจะสงสัยว่ารองเท้า Converse มีหน้าตาคล้ายคลึงกันไปหมด แต่ทำไมจึงมีวิธีเรียกชื่อรุ่นที่แตกต่างกันออกไป วันนี้เราจะมาทำความรู้จักกับรองเท้าผ้าใบของคอนเวิร์สแต่ละรุ่นว่าจะมีจุดเด่นและดีไซต์ที่เเตกต่างกันอย่างไร
1. Chuck Taylor All Star
รุ่นดั้งเดิมที่เปรียบเหมือนสัญลักษณ์ของรองเท้ายี่ห้อดังด้วยดีไซน์สุดคลาสสิก ทนทาน และสวมใส่สบาย จากรองเท้าบาสเกตบอล Chuck Taylor All Star ก็ได้กลายเป็นรองเท้ารุ่นที่ได้รับความนิยมอย่างล้นหลามเป็นวงกว้างจนกลืนเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมย่อย (Subcultures) ของคนกลุ่มต่างๆ ตั้งแต่นักดนตรีชาวร็อก เซเลบริตี้ ไปจนถึงนักกีฬายกน้ำหนัก ในปัจจุบันรองเท้า Chuck Taylor All Star ทั้งแบบข้อสั้นและหุ้มข้อก็ยังเป็นรุ่นที่ได้รับความนิยมอยู่แม้ว่าจะผ่านมากว่า 80 ปีแล้วก็ตาม
2. CONS
รองเท้ารุ่น CONS เป็นรองเท้าผ้าใบที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ของรองเท้าที่ให้กลิ่นอายของวัฒนธรรมในช่วงยุค 90s ซึ่งรวมทั้งกีฬาสเก็ตบอร์ดและสตรีทสไตล์ไว้ด้วยกัน ลักษณะที่โดดเด่นของรองเท้า CONS คือวัสดุที่มีน้ำหนักเบาและคงทน ซึ่งช่วยเรื่องการยึดเกาะได้มากเป็นพิเศษ
3. Jack Purcell
อีกหนึ่งรุ่นที่ได้รับความนิยมมากโดยเฉพาะในหมู่แฟชั่นแนววินเทจด้วยเจ้ารอยยิ้มที่เป็นร่องโค้งบนหัวรองเท้า เดิมทีแล้วรองเท้ารุ่นนี้มีต้นกำเนิดจากนักกีฬาแบดมินตันแชมป์โลกอย่าง Jack Purcell ผู้ออกแบบรองเท้าที่ให้การป้องกันและรองรับน้ำหนักได้ดีเหมาะสำหรับกีฬาแบดมินตันโดยเฉพาะ โดยในภายหลังบริษัทคอนเวิร์สก็ได้ซื้อเครื่องหมายการค้าของ Jack Purcell มาไว้ในครอบครองและผลิตรองเท้ารุ่นนี้มาจนถึงปัจจุบัน
4. Chuck Taylor All Star II
ในปี 2015 คอนเวิร์สได้ออกรองเท้ารุ่นใหม่ที่ปรับปรุงมาจาก Chuck Taylor All Star รุ่นดั้งเดิม โดยเพิ่มเทคโนโลยีของ Nike ที่จะช่วยให้มีน้ำหนักเบา ใส่สบาย และไม่เมื่อย โดยยังคงความคลาสสิกของดีไซน์เดิมไว้แต่ซ่อนความทันสมัยที่ดูเรียบง่าย
ปัจจุบันรองเท้า Converse จะผลิตที่ประเทศจีน เวียดนาม และอินโดนีเซียเป็นส่วนใหญ่ ทว่ารุ่นที่ผลิตในสหรัฐฯ ได้กลายเป็นของวินเทจหายากสำหรับนักสะสมไปเสียแล้ว นอกจากนี้ยังมีหลายคนเข้าใจว่ารองเท้า Converse Japan และ Converse Italy เป็นรองเท้าที่ผลิตขึ้นในประเทศนั้นๆ แท้จริงแล้วเป็นรองเท้าที่ออกแบบมาวางขายเฉพาะในประเทศญี่ปุ่นและอิตาลีเท่านั้นต่างหาก สำหรับรองเท้า Converse เจแปน เป็นที่รู้จักในเรื่องของการออกแบบที่โดดเด่นกว่าของประเทศอื่นๆ แถมส่วนใหญ่จะผลิตในประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งจะแตกต่างกับ Converse Made in Japan รุ่นพิเศษที่ผลิตในประเทศญี่ปุ่นเลย ทำให้ได้งานที่ประณีตขึ้นและมีราคาสูงกว่ารุ่นทั่วๆไปของคอนเวิร์สเจแปน ส่วนรองเท้าคอนเวิร์สอิตาลีนั้นเป็นรุ่นที่ออกแบบให้วางขายเฉพาะในประเทศอิตาลีและส่วนใหญ่เป็นงานผลิตที่ประเทศจีนกับอินโดนีเซีย
นอกจากนี้ เรามักจะได้เห็นรองเท้า Converse รุ่นพิเศษที่ร่วมมือกับแบรนด์ต่างๆ หรือดีไซเนอร์ชื่อดังเพื่อออกแบบเป็น Special Editions เช่น รองเท้า Converse Jack Purcell x United Arrows: Green Label Relaxing 2015 ที่เป็นกระแสมาแรงสุดๆ ในช่วงปีที่แล้ว โดยเป็นการร่วมมือระหว่าง Converse กับแบรนด์เสื้อผ้าชื่อดังของประเทศญี่ปุ่นอย่าง United Arrows ออกมาเป็นรองเท้ารุ่นลิมิเต็ดอิดิชั่นที่ทุกคนไล่ล่าตามหาถึงขนาดที่ทำให้รองเท้ารุ่นนี้ขาดจากตลาดญี่ปุ่นได้ในเวลาเพียงไม่นาน
แม้จะผ่านมาเป็นเวลาเกือบศตวรรษ แถมในอุตสาหกรรมรองเท้าผ้าใบเองก็มีการคิดค้นเทคโนโลยีใหม่ๆ โดยแบรนด์คู่แข่งอยู่ตลอดเวลา แต่รองเท้าคอนเวิร์สก็สามารถเอาชนะอุปสรรคต่างๆ และยังคงได้รับความนิยมในหมู่คนทุกเพศทุกวัยมาจนถึงปัจจุบัน จากดีไซน์เดิมที่ถูกออกแบบมาเพื่อเป็นรองเท้ากีฬา Converse ก็ได้กลายมาเป็นรองเท้าดีไซน์คลาสสิกที่เข้ากับชุดหลากสไตล์ที่ไม่ว่าใครก็ต้องมีไว้ในครอบครองที่มา : https://www.thairath.co.th/content/584650
วิธีการดูรองเท้า Converse เเท้ไม่เเท้ดูอย่างไร ไปดูกัน
ขอบคุณที่รับชมจ้า 😊😊😊









ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น